พระครูโอภาสอาจารคุณ หรือที่บรรดาญาติโยมผู้มีอายุมากกว่าท่านจะเรียกขานท่านว่า" อาจารย์ควง" และในบรรดาหมู่ศิษยานุศิษย์ที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้จะเรียกท่านว่า "หลวงพ่อควง" ท่านเป็นอดีตพระอุปัชฌาย์ อดีตเจ้าคณะตำบลบางลูกเสือ และเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก "พระเกจิอาจารย์นิรนาม แห่งลุ่มแม่น้ำนครนายก" ผู้เข้มขลังไปด้วย พุทธาคมและฌานสมาธิอันแก่กล้า เป็นที่เคารพสักการะเลื่อมใสของบรรดาญาติโยมและศิษยานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดทั้งใกล้และไกล สามารถที่จะสัมผัสและรับรู้ถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของท่านได้เป็นอย่างดี
หลวงพ่อควง จฺนโทภาโส มีนามเดิมว่า ควง นามสกุล อาทิตย์ฉาย เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2474 ที่บ้านปากคลองพระอาจารย์ เป็นบุตรของเตี่ย บู่ทอง แซ่เจ็ง กับ คุณแม่ สังวาลย์ อาทิตย์ฉาย ชื่อของท่านแต่เดิมนั้น โยมแม่และโยมเตี่ยและพี่สาวของท่าน จะเรียกกันติดปากว่า "กวง" เพราะออกสำเนียงเป็นภาษาจีน ตามโยมเตี่ยของท่าน
หลวงพ่อควง มีพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน 8 คน ดังนี้ คือ
1.นางเจียร อิ่มเจริญ (เสียชีวิตแล้ว)
2.นางจี่ แซ่อึ๊ง (เสียชีวิตแล้ว)
3.นายฮง อาทิตย์ฉาย (เสียชีวิตแล้ว)
4.พระครูโอภาสอาจารคุณ(หลวงพ่อควง จนฺโทภาโส) (มรณภาพแล้ว)
5.นางไน้ เจียรสถิตย์ (เสียชีวิตแล้ว)
6.นางเตียง ร่วมพุ่ม (เสียชีวิตแล้ว)
7.นายบานเย็น ใจวิศาลสถิตย์ (เสียชีวิตแล้ว)
8.นางศิริพร จันทร์วิวัฒน์
ในวัยเยาว์ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดปากคลองพระอาจารย์ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงสุดของโรงเรียนในขณะนั้น เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนแล้ว ก็ได้มาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามมารดาบิดา
พอมีอายุครบ 20 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุโบสถ วัดอรุณรังสี ต.บางลูกเสือ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2495
พระครูอนุกูลคณารักษ์(หลวงพ่อเงิน) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์(วัดศีรษะกระบือ) ต.ศีรษะกระบือ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูอรุณวิริยะกิจ(หลวงพ่อสายตาบ) เจ้าอาวาสวัดอรุณรังษี(วัดบางลูกเสือ) ต.บางลูกเสือ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ส่วนพระอนุสาวนาจารย์นั้นไม่ปรากฎนาม
เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้รับฉายา ทางพระว่า "จนฺโทภาโส"
หลังจากอุปสมบทใหม่
ในพรรษาแรกๆ เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อควง จะจาริกธุดงค์ไปตามป่าตามเขาและเข้าไปกราบถวายตัวเป็นลูกศิษย์กับหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้น เพื่อศึกษาแนวทางปฏิบัติหาวิชาความรู้เพิ่มเติม ทั้งในด้านสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ในด้านวิชาคาถาอาคมปลุกเสกเลขยันต์ วิชาการแพทย์สมุนไพรแผนโบราณรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยว่านยาและสูตรยาสมุนไพรที่ลงด้วยคาถาอาคมศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อควงได้เล่าเรียนศึกษาสรรพวิชาเหล่านั้นจากหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์มากมายหลายท่านด้วยกัน มีทั้งครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์และที่เป็นฆราวาส
ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์นั้น
หลวงพ่อควงเคยเล่าให้ญาติโยมฟังว่า นอกจากที่ท่านได้เป็นลูกศิษย์ของ
"หลวงพ่อเงิน วัดสว่างอารมณ์" แล้ว ท่านยังได้ไปกราบถวายตัวเป็นศิษย์และศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน และเล่าเรียนตำรับตำราคาถาอาคมจากหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์อีกหลายวัดหลายจังหวัด
หลวงพ่อควงท่านมีครูบาอาจารย์รวมแล้ว
จำนวน 11 ท่านด้วยกัน มีทั้งที่อยู่ในเขตจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ
หลวงพ่อควงได้เคยเดินทางไปกราบและถวายตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติวิชาธรรมกายของ
หลวงพ่อสด จนฺทสโร วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตั้งแต่สมัยที่ท่านบวชในพรรษาแรกๆ และได้นำการฝึกสมาธิแบบวิชาธรรมกายและข้อวัตรปฏิบัติของ
หลวงพ่อสด มาปฏิบัติด้วยตัวเองอย่างเคร่งครัด
หนึ่งในอาจารย์ที่เป็นฆราวาสของ
หลวงพ่อควงนั้นมีนามว่า
อาจารย์ศิริ ซึ่งอาศัยอยู่ที่เขตชายแดนไทย เขมร ใน อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือ จ.สระแก้ว) คนทั่วไปจะเรียกท่านว่า
"อาจารย์ชายแดน" เป็นอาจารย์ฆราวาสจอมขมังเวทย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาคาถาอาคมและวิชาสมาธิกรรมฐาน
ถอดจิต ให้กับท่านอีกวิชาหนึ่ง
หลวงพ่อควง ท่านมุ่งเน้นในการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานเป็นหลัก จึงทำให้หลวงพ่อมีฌานสมาธิจิตที่แก่กล้าเข้มแข็ง และสามารถล่วงรู้ถึงวาระจิตของผู้อื่นได้ มีหลายครั้งที่ท่านกำลังนั่งพูดคุยกับญาติโยม ท่านสามารถพูดถึงอดีตและอนาคตของญาติโยมที่มานั่งพูดคุยด้วย ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
หลวงพ่อควง ได้จำพรรษาอยู่ที่
วัดปากคลองพระอาจารย์ ตั้งแต่อุปสมบทใหม่ในวันแรก ซึ่งในสมัยนั้น (พ.ศ.2495) วัดปากคลองพระอาจารย์ มีกุฎีไม้เก่าๆเกือบจะผุพังแล้วเพียงแค่หลังเดียว มีศาลาดิน มุงด้วยสังกะสีเก่าๆ ไม่มีพื้น อยู่ใกล้กับกุฎี เวลาญาติโยมมาทำบุญ ก็ปูเสื่อกก นั่งกันบนพื้นดินในศาลา รอบๆบริเวณมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเป็นป่ารกชัฏ สุดแสนที่จะทุรกันดารมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ เทียนไขที่จะจุดไฟให้แสงสว่างก็หายากมาก ส่วนใหญ่จะใช้ตะเกียงกระป๋องสังกะสี ใช้เศษผ้าจีวร ทำเป็นไส้ตะเกียง แล้วเติมน้ำมันก๊าด จุดไฟให้เป็นแสงสว่าง ทั้งวัดก็จะมีตะเกียงเพียงแค่ใบเดียวหรืออย่างมากสุดก็สองสามใบเท่านั้น รถยนต์ไม่ต้องพูดถึง แม้แต่รถจักรยานก็ยังไม่มีใช้ ไปไหนมาไหน ต้องเดิน กับ พายเรือ ข่าวสารบ้านเมืองไม่ต้องรู้กัน เพราะวิทยุโทรทัศน์ไม่มีให้ฟังไม่มีให้ดู
ในตอนต้นปีก็จะมีพระบวชใหม่ลูกชาวบ้านปากคลองพระอาจารย์ มาบวชอยู่ด้วยกัน 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง ที่อยู่นานถึงเดือนสองเดือนหรือจำพรรษาด้วย นั้นหายาก พอใกล้เข้าพรรษาก็จะลาสิกขาบทกันหมด คงปล่อยให้
หลวงพ่อควง ท่านอยู่จำพรรษาตามลำพัง หรือเรียกแบบชาวบ้านว่า
อยู่เฝ้าวัด เพียงรูปเดียว เป็นดั่งนี้ประจำสม่ำเสมอตลอดมาหลายสิบปี ด้วยเหตุนี้
หลวงพ่อควงท่านจึงต้องทำหน้าที่ เป็นทั้งเจ้าอาวาสวัดเป็นทั้งพระลูกวัดไปในตัว
ในระหว่างจำพรรษาอยู่ที่วัดปากคลองพระอาจารย์
หลวงพ่อควง ได้ใช้สรรพวิชาที่ท่านเล่าเรียนมา ช่วยอนุเคราะห์ช่วยสงเคราะห์ญาตฺิโยมผู้ได้รับความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนาๆ ที่รักษาด้วยวิชาการแพทย์สมัยใหม่ไม่หาย เมื่อมาหา
หลวงพ่อควง ก็จะหายกลับไปเป็นปรกติ ด้วยเหตุนี้จึงมีศรัทธาญาติโยมสาธุชนให้ความเคารพศรัทธาในตัว
หลวงพ่อควงเป็นจำนวนมาก และได้เข้ามาช่วยบริจาคจตุปัจจัยพัฒนา
วัดปากคลองพระอาจารย์ ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาไม่นานนัก ก็สามารถสร้างโบสถ์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ สร้างหอสวดมนต์ สร้างกุฎีที่พักสงฆ์ และศาสนสถานอื่นๆอีกมากมายหลายประการภายในวัด
เมื่ออายุพรรษาและความรู้ความสามารถของ
หลวงพ่อควงเพิ่มมากขึ้น ทางคณะสงฆ์จึงเห็นสมควรจัดการแต่งตั้งให้ท่าน เป็นเจ้าอาวาสวัดปากคลองพระอาจารย์ อย่างเป็นทางการ และมอบหมายให้
หลวงพ่อควง ทำหน้าที่ปกครองดูแล
สั่งสอนอบรมพระธรรมวินัยแก่พระภิกษุสงฆ์บวชใหม่ สั่งสอนอบรมธรรมะและวิปัสสนากรรมฐาน ให้กับญาติโยมพุทธบริษัทและกุลบุตรผู้เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ หลวงพ่อควง ท่านได้รับความไว้วางใจจากทางคณะสงฆ์ และได้ดำรงตำแหน่งต่างๆจากทางคณะสงฆ์ ดังต่อไปนี้
-วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูชั้นประทวน และได้รับการอบรมเป็นพระสังฆาธิการที่โรงเรียนพระสังฆาธิการ เป็นรุ่นที่ 2 ในขณะที่
หลวงพ่อควง มีอายุได้ 41 ปี พรรษาที่ 21
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ที่
พระครูโอภาสอาจารคุณ พระครูสัญญาบัตร
ชั้นตรี เมื่อหลวงพ่อควงอายุได้ 48 ปี พรรษาที่ 28
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2529 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ที่
พระครูโอภาสอาจารคุณ พระครูสัญญาบัตร
ชั้นโท เมื่ออายุ 55 ปี พรรษาที่ 35
-วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2531 ได้รับแต่งตั้งเป็น
พระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุ 57 ปี พรรษาที่ 37
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ที่
พระครูโอภาสอาจารคุณ พระครูสัญญาบัตร
ชั้นเอก ใน เมื่ออายุได้ 63 ปี พรรษาที่ 43
-วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2540 ได้รับแต่งตั้งเป็น
เจ้าคณะตำบลบางลูกเสือ ในขณะนั้น
หลวงพ่อควง มีอายุ 66 ปี พรรษาที่ 46
ในระยะเวลาสิบกว่าปี
หลวงพ่อควง ได้ออกจาริกธุดงค์เสาะแสวงหาเล่าเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์จนสำเร็จลุล่วงไป ทำให้
หลวงพ่อควงมีความมั่นใจในสรรพวิชาที่เรียนมาแล้ว จึงได้น้อมนำอัญเชิญครูบาอาจารย์ทั้งหมดที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาคาถาอาคมให้ท่าน จากนั้นจึงได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเป็นครั้งแรกเพื่อไว้แจกบรรดาลูกศิษย์ลูกหา อาทิ เช่น
พระสมเด็จหนังหน้าผากเสือ พิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดทองเหลือง และทองแดง จารอักขระด้วยลายมือของท่านเอง
ภาพถ่ายขนาดเล็ก ขาวดำ เป็นรูปของตัวท่านนั่งสมาธิเต็มองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ เขียนด้วยปากกาลูกลื่นด้วยมือของท่านเอง วัตถุมงคล
รุ่นแรกที่เป็นภาพถ่าย
รุ่นที่ 1 ของ
หลวงพ่อควง รุ่นนี้ ต้องบอกว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ญาติโยมศิษยานุศิษย์ทั้งใกล้และไกลต่างก็รับทราบได้เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันนี้หาได้ยากยิ่งนัก
ภาพถ่าย ขาว ดำ (ยุคแรกๆ)
ด้านหน้า
ด้านหลัง
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2513
หลวงพ่อควง ได้จัดสร้างเหรียญทองแดงรูปของท่านนั่งสมาธิเต็มองค์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก เป็นเหรียญรูปทรงหยดน้ำก้นแหลม ด้านหน้าเป็นรูปของ
หลวงพ่อควงนั่งสมาธิเต็มองค์ ด้านหลังเป็นอักขระยันต์ นะโม ถอยหลังเป็นปฐม เหรียญรุ่นนี้นับเป็นเหรียญรุ่นแรกของ
หลวงพ่อควง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณอันล้ำเลิศ
หลวงพ่อควง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ตลอดไตรมาสสามเดือน ในระหว่างทำพิธีปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ มีช่วงระยะเวลาปลุกเสกขั้นสูงสุดเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน โดย
หลวงพ่อควงจะอธิษฐานจิตไม่พูดไม่คุยกับใครๆทั้งสิ้น จนกว่าจะทำพิธีปลุกเสกเสร็จ เหรียญรุ่นนี้ญาติโยมศิษยานุศิษย์ต่างเสาะแสวงหากันเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ค่อยได้พบเจอกัน เพราะเป็นเหรียญรุ่นแรก จึงหาเก็บไว้บูชาได้ยากมาก นานๆจึงจะได้พบเจอสักครั้งแต่ก็มีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร
เหรียญรุ่นแรกด้านหน้า
เหรียญรุ่นแรกด้านหลัง
ตลอดอายุขัยของ
หลวงพ่อควง ได่ใช้วิชาความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาทั้งในทางโลกและในทางธรรม ช่วยอนุเคราะห์และสงเคราะห์ญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนเจ็บป่วยไม่สบาย ทั้งทางกายและทางด้านจิตใจ ให้ผ่อนคลายและทุเลาเบาบางลงจนหายขาดจากความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคภัยไข้เจ็บ ที่เกิดขึ้นจากวิชามนต์ดำ ถูกคุณไสย ถูกของกระทำด้วยเดรัจฉานวิชา ผีเข้าเจ้าสิง ถูกลมพัดลมเพ ที่ทำให้เกิดมีอาการร่างกายแปรปวนจิตใจวิปริต เจ็บไข้ไม่สบายกายไม่สบายใจ
หลวงพ่อควง ท่านจะรดน้ำมนต์อาบน้ำมนต์พ่นคาถากำจัดปัดเป่าให้หายขาดจนหมดสิ้นไปทุกๆคน
วิชาต่อกระดูกประสานกระดูกที่แตกหัก
หลวงพ่อควงท่านก็ได้เล่าเรียนมาและช่วยเหลือรักษาให้กับญาติโยมมากมายเป็นร้อยเป็นพันคนจนหายเป็นปรกติได้ดังเดิม โดยไม่ต้องพิกลพิการตัดแขนตัดขาแต่อย่างใด
ญาติโยมบางคนที่เจ็บป่วยมาหาท่าน เนื่องจากรักษาในโรงพยาบาลไม่หาย
หลวงพ่อควงก็จะนั่งทางในตรวจดูอายุขัยและทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาให้ ญาติโยมหลายต่อหลายคนได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ได้ อย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนบางคนที่ไม่หายขาดก็จะมีอาการทุเลาเบาบางลง
หลวงพ่อควง ท่านเปรียบเสมือนที่พึ่งทางใจและทางจิตวิญญาณของญาติโยมสาธุชนชาวบ้านปากคลองพระอาจารย์ และชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียง ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือสะพัดไปหลายจังหวัดในระยะเวลาอันไม่นานนัก จากปากต่อปากคำต่อคำของญาติโยมที่ได้พูดบอกต่อๆกันไป ทำให้มีญาติโยมทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาหาท่านโดยไม่ขาดสาย โดยไม่ต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้
หลวงพ่อควง จึงมีเวลาพักผ่อนน้อยน้อยลง
ปรกติสุขภาพร่างกายของ
หลวงพ่อควง สมบูรณ์แข็งแรงดีมาโดยตลอด ไม่เคยเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล
แต่มาช่วงระยะหลังๆก่อนท่านจะมรณภาพได้ประมาณเดือนเศษ ท่านเคยบอกกับญาติโยมว่า มึนงงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
อยู่ต่อมาจนกระทั่ง วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2542
หลวงพ่อควง ได้มีอาการอาพาธกระทันหันด้วยโรคลมปัจจุบัน หมดสติอยู่ภายในกุฎีของท่านเมื่อญาติโยมทราบข่าวจึงได้รีบนำตัวท่านส่ง
โรงพยาบาลองครักษ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า
หลวงพ่อควง ได้สิ้นลมหายใจและมรณภาพแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมาถึงโรงพยาบาล สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ญาติโยมพุทธบริษัท และบรรดาศิษยานุศิษย์อย่างใหญ่หลวงยิ่งนัก
หลวงพ่อควง จนฺโทภาโส มรณภาพ เมื่ออายุได้ 68 ปี พรรษาที่ 48
********************************
ปัญญา วิมุตติ
รวบรวมและเรียบเรียง
(ขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายทุกๆภาพ มา ณ โอกาสนี้)